วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เข็มทิศความสำเร็จ เส้นทาง ชีวิตมหัศจรรย์


เข็มทิศชีวิตมหัศจรรย์

ระยะนี้ มักมีคนมาเล่าให้ฟังว่าตัวเองมักแอบคิดในใจ ว่าสิ่งที่คนอื่นทำยังคุณภาพไม่ดี น่าจะทำได้ดีกว่านี้ แล้วแอบเจ็บใจเล็กๆที่ตัวเองไม่เคยลงมือทำ

กี่ครั้งที่แอบเห็นผลงานของคนอื่นแล้วอยากมีบ้างแต่ไม่เคยลงมือทำ มีข้ออ้างสารพัด

บางคนอ้างผิดว่าพอเพียง

คนจำนวนมาก เอาคำว่าสันโดษและพอเพียงเป็นข้ออ้าง ในการไม่ลงมือทำสิ่งที่ควรทำ

การสันโดษนั้น แปลว่าพอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้ สันโดษในการใช้สอย สันโดษพอใจในความสะดวกสบายที่มีตามฐานะ

แต่ไม่ใช่สันโดษในการทำความดี ไม่ใช่สันโดษในการส่งมอบผลงาน

หากเรามองบุคคล ที่ทำประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง เราจะพบวิถีชีวิตที่เรียบง่าย แต่ไม่เคยหยุด ในการคิดสร้างสรรค์ทำประโยชน์เพื่อบ้านเมืองและส่วนรวม

แล้วคนจำนวนมากในประเทศของเรากลับ ไม่สันโดษในการใช้สอย มีอะไรฮิต เรามีตามหมดทุกอย่าง ไม่พอเพียงในการซื้อแต่ กลับอ้างว่าพอเพียง หยุดในการคิดสร้างสรรค์ ไม่ลงมือ ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์

ซ่อนตัวอยู่ในมุมสบาย ที่กลัว กลัวถูกตัดสิน กลัวไม่สำเร็จ กลัวล้มเหลว ลืมไปว่า การกลัวนั้น ทำให้คนได้รับสิ่งที่ตนเองกลัวเดี๋ยวนั้นเลย

สิ่งที่คนกลัว จนไม่ทำสิ่งที่ควรทำ เขาได้รับมัน ในชีวิตทันที

ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับความกลัวของตัวเอง มองลงไปตรงๆ ว่า ไหนดูซิ ความกลัวหน้าตาเป็นอย่างไร ทันทีที่เรารู้ทันลงไปในความรู้สึก ความรู้สึกนั้น จืด จาง ลดกำลังลดอิทธิพล ลงไปจากใจเราทันที

ไม่สามารถครอบงำเราได้ เราเป็นอิสระ มีใจที่เป็นอิสระจากความรู้สึก คล่องแคล่วว่องไว ควรแก่การงาน สามารถเลือกความคิด ความรู้สึก ที่เป็นประโยชน์ ต่อชีวิต ทำให้เราได้ทำสิ่งที่ควรทำอย่างมีพลัง

ล่าสุด เพิ่งมีเด็กนักศึกษาเขียนมาถามว่า มีนักเขียนคนหนึ่ง เขียนไว้ว่า คนเราไม่ควรทำอะไรเร็ว กว่ากฏเกณฑ์ของสังคม สังคมกำหนดให้จบปริญญาตรี หรือโทตอนไหน ต้องทำตอนนั้น ไม่งั้น จะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต และชีวิตจะต้องล้มเหลวก่อน อิฐก้อนแรกต้องบิดเบี้ยว จึงจะดี ทั้งที่มีคนจำนวนมากจบตามกฏเกณฑ์ของสังคมทุกอย่างแต่ยังล้มเหลวอยู่เลยน้องนักศึกษาจึงสงสัยและเขียนมาถาม

สิ่งที่ผู้เขียนตอบน้องนักศึกษาไปคือ

คนเราจะพูดตามประสบการณ์ของชีวิตตัวเอง

คนจำนวนมาก พูดถึงแต่ความล้มเหลว มัวศึกษาจนจมอยู่กับความล้มเหลว ชีวิตนี้ จึงไม่ได้ลิ้มรสความสำเร็จ เสียที

มัวอยู่กับความล้มเหลว จนไม่เคยได้สัมผัสความสำเร็จ

ได้แต่ชะเง้อ มองความสำเร็จของคนอื่น แล้วขมขื่นวิพาษณ์วิจารณ์ไปเรื่อย เหมือนองุ่นเปรี้ยวยังไม่พอ ยังพยายามชักจูงให้คนอื่นล้มเหลวเหมือนตัวเองอีก

มนุษย์เรานั้น มีระบบในการตีความตอบสนอง ตามกรอบความคิดของเรา

สิ่งต่างๆที่เราทำในชีวิต มีประโยชน์ให้เราเรียนรู้เติบโต หากเราเพ่งจ้องมัวเรียกและคิดว่า มันเป็นความล้มเหลว ระบบประสาทของเรา จะมองผ่านสิ่งดีดีที่เราเรียนรู้ได้จากมัน

ในทางตรงกันข้าม หากเรามองเห็น ว่า ทุกอย่างเป็นกระบวนการเรียนรู้ และเราได้ทำบางอย่างสำเร็จ มีสิ่งดีดีมากมายซ่อนอยู่ในทุกเหตุการณ์ เราได้เติบโตจากในแต่ละสิ่งนั้น และสามารถพัฒนาต่อไปได้อีก อะไร ที่เราควรเพิ่มความระมัดระวังในโอกาสต่อไป

ใจของเราก็จะเรียนรู้จากความสำเร็จ แม้จากจุดที่เล็กที่สุด และพัฒนาให้เติบโตใหญ่ มีประโยชน์กับผู้คนได้กว้างไกลมากขึ้นทุกวัน

เราเลือกความคิด เลือกการตีความ และเลือกการตอบสนองของเรา

ทันที่เราเลือกการกระทำ เราเลือกผลลัพธ์ในชีวิตเช่นกัน

เราบังคับให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่เราต้องการตลอดเวลาไม่ได้

แต่เราสามารถเลือกความคิดความรู้สึก และการกระทำของเราได้

ทันทีที่เราเลือก รับผิดชอบ เรามีอำนาจ ในการกำหนดความรุ้สึกต่อชีวิตตัวเอง

เลือก อย่างมั่นคง

บทความโดย ฐิตินาถ ณ พัทลุง เข็มทิศชีวิต
โพสต์ทูเดย์ เมษายน 2556


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น