วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เข็มทิศไลฟ์โค้ช โดย เข็มทิศชีวิต ฐิตินาถ ณ พัทลุง

ทุกวันนี้เราจะได้ยินคำว่าไลฟ์โค้ช ในบทความ รายการโทรทัศน์จากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง จนสงสัยว่า คำว่าไลฟ์โค้ชคืออะไร ทำไม นักธุรกิจ ศิลปินดาราฮอลลีวูด นักกีฬาระดับโลกจึงต้องมีไลฟ์โค้ช เขาโค้ชอะไรกัน แล้วเราต้องมีหรือเปล่า

ไลฟ์โค้ช คือโค้ชชีวิต ที่ไม่ได้เก่งในด้านที่เราทำงานมากกว่าเรา แต่เขารู้ว่าจะทำให้เราเป็นเราที่ดีที่สุดในด้านที่เราทำอย่างไร ไลฟ์โค้ชของอังเดร อากัสซี่ อาจจะเล่น เทนนิสไม่เป็นเลยก็ได้ แต่เขาสามารถทำให้ อังเดร กลับขึ้นมาท๊อปฟอร์ม และยืนอยู่ในจุดที่เขาควรยืนอยู่ได้ 

ไลฟ์โค้ช เป็นวิชาว่าด้วยการเป็นที่ปรึกษา ที่ไม่ได้ให้แค่คำปรึกษา แต่ใช้เทคนิคทางจิตใจ เพื่อขับเคลื่อนให้คนมีชีวิตที่ดีมีความสุข ไลฟ์โค้ชจะถูกฝึกวิทยาศาสตร์ความสุขความสำเร็จ Neuro-Linguistic Programming ที่ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อ 50ปีที่แล้วเป็นต้นแบบที่จุดประกายการศึกษาคนที่มีความสุขประสบความสำเร็จมากกว่าการหาว่าคนมีความบกพร่อง ฝึกวิชา Hypnotherapy เพื่อนำคนกลับไปเข้าใจยอมรับให้อภัยคลี่คลาย ปลดล๊อคตัวเองจากกรอบความรู้สึก และความเข้าใจเดิมๆ เรียนการโค้ชชิ่งตั้งเป้าหมาย กำหนดกลยุทธ์วิธีการ ศึกษาโปรแกรมที่เป็นระบบอัตโนมัติในใจคนเช่นสามีภรรยาที่ทะเลาะกันเวลาไปเที่ยวเพราะภรรยาเป็นคนแบบขั้นตอน ( Procedures)คือต้องจองวางแผนก่อนเดินทางส่วนสามีเป็นคนรูปแบบ (Choices) ทางเลือกคือชอบไปตื่นเต้นลุยเอาข้างหน้า  หรือเจ้านายชอบแบบเดิมๆ ลูกน้องชอบใหม่ และผจญภัย จึงนำเสนอทางเลือกใหม่นวัตกรรมใหม่ ที่นายไม่รู้สึกปลอดภัย ก็ทำให้การนำเสนองานไม่ผ่าน ซึ่งหากคนไม่เข้าใจรูปแบบของอีกคนหนึ่งก็ทำให้ความสัมพันธ์และการทำงานไม่ราบรื่น 

การเข้าใจตัวเอง เข้าใจคนอื่น เพื่อให้เราดูแลความสัมพันธ์ ความรู้สึกได้ราบรื่นลงตัว

เทคนิคต่างๆนั้น อันที่จริง เป็นระบบความคิดธรรมดา ที่คนที่ทำสำเร็จก็คิดแบบนั้นในหัวอยู่แล้ว แต่เวลาเจอความท้าทายในช่วงที่ภาวะทางใจหรือกายไม่แข็งแรง คนมักจะลืม การเป็นที่ดีที่สุดของตัวเอง

เช่นเวลาเราทำงานสำเร็จ เราจะคิดถึงงานนั้นอย่างตื่นเต้น เห็นภาพชัดว่าเราจะทำอะไร แม้บางครั้งอาจจะมีความกลัว ก็ลงมือทำมันอยู่ดี มีความสุข มีความปีติ ตั้งแต่ก่อนทำ ระหว่างทำ หลังทำ

เวลาเราตัดสินใจถูก เรามีวิธีตัดสินใจแบบหนึ่ง เวลาตัดสินใจผิดก็มีรูปแบบการตัดสินใจอีกแบบ เช่นฟังเสียงภายนอกมากเกินไปจนลืมผ่านกระบวนการคิดพิจารณาภายในมากพอ

เวลาเราก้าวข้ามเหตุการณ์บางอย่างได้ เพราะเรามองเหตุการณ์นั้น จากสายตาคนที่มองกลับเข้ามา จนเกิดความเข้าใจ ยอมรับ ให้อภัย มีความรู้สึกที่ดีมั่นคง เรียนรู้แล้วเดินต่อไปได้

แต่ Common Sense สามัญสำนึก ไม่ได้เป็น Common Practice ที่คนจะนำมาปฏิบัติเป็นปกติเสมอไป โดยเฉพาะเวลาเมาหมัด

คนอาจเคยทำบางอย่างสำเร็จ เคยเป็นที่รัก เคยมีความสุขกับชีวิต เคยคิดอะไรหยิบจับอะไรก็สำเร็จดีไปหมด

แต่เวลาที่คนเจอ Emotional Challenge เจอเรื่องราวที่ส่งผลกระทบทางใจ คนจะมีอาการที่เรียกว่าไปไม่ถูก ไปไม่เป็น ทำอะไรก็ผิดไปหมด เดินหน้าก็ผิด ถอยหลังก็ผิด พูดก็ผิด ไม่พูดก็ผิด ตัดสินใจเลือกใคร เลือกอะไรก็ผิด เนื่องจากอยู่ในจุดที่สเตทผิด คือมีภาวะทางกายทางใจที่ไม่เที่ยงตรง ไม่มั่นคง มองจากมุมที่บิดอยู่จึงทำให้เลือกอะไรก็ผิดไปหมด ใครจะแนะนำให้ทำอะไร หรือคิดจะทำอะไรก็ทำไม่สำเร็จ

หลักการตามธรรมชาติคือ พาเขากลับไปรู้สึกและยืนในจุดที่เขามั่นคงก่อน พอภาวะทางกาย และทางใจมั่นคง ทุกอย่างทุกการกระทำ จะดี มั่นคงพอเหมาะ ลงตัว สำเร็จได้ง่ายแบบที่เขาเคยทำได้อยู่แล้ว

เวลาที่ชีวิตวุ่นวาย หลายอย่างเกิดขึ้น คำพูดของคน ผลของงานบางอย่าง ปัญหาทางความรัก การเงิน ครอบครัว ที่เวียนมาตอกย้ำ ยืนยัน ให้คนรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่ดี อย่างที่เคยรู้สึกในอดีต ภาษาชาวบ้านเรียกว่าเป๋ วิธีดูแลคือ กลับมายืนให้ตรง

ตรงอย่างไร ตรงทั้งหลักการ เป้าหมายในชีวิต ลำดับสิ่งที่สำคัญต่อชีวิต สิ่งที่เราให้คุณค่า เช่นครอบครัว ความดีงาม การภาวนา ปัญญา การช่วยเหลือคน การพัฒนาตนเอง การทำสิ่งดีงามให้สำเร็จ การกล้าหาญ ความรักในชาติบ้านเมือง องค์กรที่เราอยู่ ความสุขสงบในชีวิต ตรงทั้งความรู้สึก

ทำเป้าหมายให้ตรง ลำดับสิ่งสำคัญในชีวิตให้ชัด แล้วทำใจให้สงบมั่นคง เข้าไปในภาวะที่เราท๊อปฟอร์มเป็นเราที่ดีที่สุด ทำสิ่งต่างๆสำเร็จ มีปัญญา มีสติ มีความเข้าใจ ใจตั้งมั่นเบิกบาน คิดภาพที่เป็นประโยชน์ พูดสิ่งดีดีกับคนอื่นและตนเอง ลงมือทำสิ่งที่ดีเป็นประโยชน์ต่อผู้คน มุ่งความสนใจโฟกัสไปที่สิ่งที่เราตั้งใจจะทำให้สำเร็จเป็นประโยชน์ต่อผู้คน จนใจเกิดความแช่มชื่นปีติยินดี มีกำลัง แล้วเอาใจที่มีคุณภาพ แคล่วคล่องผ่องใสนั้นไปทำการงาน ตัดสินใจ ลงมือทำในสิ่งต่างๆ

ใจของคนนั้น ก็เหมือนร่องนำ้ น้ำไหลทางไหนบ่อย ไหลมาอีกก็ไปทางนั้น หรือหากเราทำน้ำหกลงบนโต๊ะไม้ พอทำน้ำหกอีก มันจะไหลไปตามรอยเดิมที่เคยไหล ใจคนก็เหมือนกัน หากเคยชินกับการคิดถึงสิ่งดีดี คิดการอะไรก็สำเร็จ เป็นประโยชน์กับคนหมู่มาก มีอะไรเกิดขึ้นก็เห็นเป็นการเรียนรู้ ก็รู้สึกดีได้ทั้งยามที่ชีวิตง่ายและไม่ง่าย เป็นคนดำรงตนอยู่ในแดนของปัญญา ไม่ปล่อยตัวให้จมอยู่กับการคิดด้านลบ หรือความไม่สำเร็จ การหมั่นรักษาใจตนอยู่ดังนั้น ก็ทำให้ใจเกิดความเคยชิน คุ้นชิน ในการทำความดี มีความสุข ประสบความสำเร็จอยู่เสมอ

การเสพคุ้นนั้น มีผลกับชีวิตคนอย่างมาก ผู้มีปัญญาไม่ควรปล่อยกายปล่อยใจให้เสพคุ้นกับสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด คนไม่สะอาด ความคิดที่ไม่สะอาด เพราะจะเป็นอันตรายมากกับชีวิตตนเอง

พอรู้ตัวต้องรีบสลัด เหมือนปล่อยก้อนหนาม ออกจากมือ ปล่อยเปลวไฟออกจากใจ

เล่ามาทั้งหมดนี้ เพื่อให้เราลองฝึกเป็นไลฟ์โค้ชให้ตนเองได้ด้วย ประเทศในเอเชียนั้น เรามีที่ปรึกษากันมาตั้งแต่โบราณ ดูในละคร ไทยจีน ก็มีที่ปรึกษา เหมือนที่   ขงเบ้งเป็นโค้ชให้เล่าปี่

ในยุคโลกาภิวัฒน์ ที่โลกเชื่อมถึงกันอย่างรวดเร็ว ประเทศไทย ต้องแข่งขันด้วยปัญญา เรียนรู้ศึกษา สิ่งดีดี ที่ฝรั่งทำ แต่ไม่ทิ้งจุดเด่นของไทยเรา เอาข้อดีของเขา มาปรับให้เข้ากับจุดแข็งวัฒนธรรมและสังคมของเรา ไม่ปฏิเสธ แต่ไม่รับมาทั้งหมด

ผู้เขียนจะเปิดสอน ฟรี หนึ่งวัน ให้กับประชาชนทั่วไป ได้ทบทวนเป้าหมายทิศทาง และกระบวนการความคิดของตนเอง ในการทำชีวิตให้มั่นคงประสบความสำเร็จมีความสุข ปรับสเตทให้ตรง เมื่อ ชีวิตคนแต่ละคนแข็งแรง ประเทศชาติของเราก็แข็งแรง  ท่านใดสนใจส่งพนักงาน ตัวเอง ครอบครัวเข้าฟัง ฟรี ติดตามข่าวสารได้ที่ www.facebook.com/compassnlpworld หรือ www.compassnlp.com

ขอให้มีความสุข มีชีวิตที่ยอดเยี่ยมทุกท่านค่ะ

 บทความจาก โพสต์ทูเดย์ เดือน กุมภาพันธ์ 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น